เครื่องปฏิกรณ์แบบกะ

( Batch  Reactor )

 

            Batch Reactor เป็นเครื่องปฏิกรณ์ที่สารตั้งต้นทั้งหมดจะถูกนำใส่เครื่องปฏิกรณ์ในขั้นตอนแรก จากนั้นเครื่องปฏิกรณ์จะถูกปิดเป็นระบบปิดจนกระทั่งปฏิกิริยาเสร็จสิ้น 

            อย่างไรก็ตามได้มีการพัฒนา  batch reactor ให้มีประสิทธิภาพในการทำงานให้เป็นไปตามความต้องการมากที่สุด และเพื่อทำให้เป็นเทคโนโลยีสะอาด จึงได้มีการผลิต Buss reactor ขึ้น ดังรูป

 

รูปที่ 1 แสดง Buss reactor

 

โดยปกติแล้ว เครื่องปฏิกรณ์จะมีเครื่องกวน ( Stirrer ) อยู่ด้วย โดยการเลือกชนิดของเครื่องกวนนั้นขึ้นอยู่กับลักษณะของสารที่จะทำการผสม ซึ่งชนิดของใบพัดและ agitator ที่ใช้ในเครื่องปฏิกรณ์แบบ batch ดังแสดงในรูปที่ 2 , 3 และ 4

 

 

รูปที่ 2 แสดงใบพัดชนิดต่างๆ 

 

 

รูปที่ 3 แสดง agitators แบบต่างๆ

 

 

รูปที่ 4 แสดงลักษณะการหมุนของเครื่องกวนแบบต่างๆ ใน  batch reactor

 


 

รูปที่ 5 แสดง  batch reactor  แบบต่างๆ

(a) batch reactor ที่มี double jacket   (b) batch reactor ที่มี double jacket และ coil อยู่ภายใน

(c ) batch reactor ที่มี external heat exchanger  และ  (d ) batch reactor ที่มีเครื่องทำความเย็น

สมการสมดุลมวลสารสำหรับเครื่องปฏิกรณ์แบบกะ

            การเขียนสมดุลมวลสารสำหรับสารตั้งต้น A และปริมาตรของสารที่อยู่ภายในเครื่องปฏิกรณ์หรือภายในระบบสามารถเขียนได้ดังนี้

อัตราการไหลเข้าของสาร A   = อัตราการไหลออกของสาร A  + อัตราการหายไปของสาร A

(ต่อหนึ่งหน่วยเวลา)                (ต่อหนึ่งหน่วยเวลา)                (ต่อหนึ่งหน่วยเวลา)

                                                                             + อัตราการสะสมของสาร A

                                                                                  (ต่อหนึ่งหน่วยเวลา)

Input      =     Output  +  Consumption  +  Accumulation                (1)

                                           (1)                           (2)                       (3)                               (4)

ถ้าสาร A ถูกสร้างขึ้นโดยการเกิดปฏิกิริยา เทอม consumption จะมีค่าเป็นลบ

สมการสมดุลความร้อนก็คล้ายกับการสมดุลมวลสาร แต่ไม่ต้องคำนึงถึงถ้าเป็นปฏิกิริยา Isothermal ซึ่งสามารถอธิบายได้ว่า ถ้าใช้สารตั้งต้น Aเป็น limiting reactant จะทำได้สะดวกที่สุด เนื่องจากเป็นสารตั้งต้นที่ถูกใช้ก่อนเพื่อให้ปฏิกิริยาเกิดขึ้นได้

เครื่องปฏิกรณ์แบบ batch ในอุดมคติจะเป็นแบบที่มีการผสมแบบสมบูรณ์  ( perfectly mixed ) ซึ่งก็คือความเข้มข้นขององค์ประกอบต่างๆ ภายในเครื่องปฏิกรณ์จะมีค่าเท่ากัน ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากไม่มีสารเข้าและออกจากเครื่องปฏิกรณ์ระหว่างเกิดปฏิกิริยา การเขียนสมดุลมวลสารสำหรับองค์ประกอบต่างๆ ซึ่งใช้ได้กับเครื่องปฏิกรณ์ทุกชนิด โดยการสมดุลมวลสารของสาร  A ดังสมการที่ (1) จะได้ว่า

                อัตราการไหลเข้า  (1)               =    อัตราการไหลออก (2) = 0

                อัตราการหายไปของสาร A (3)  =   -อัตราการสะสมของสาร A (4)

จะได้ว่า

                             อัตราการหายไปของสารตั้งต้น  =  (-rA)Vr            kmols-1

เมื่อ

                (-rA)  =  อัตราการเกิดปฏิกิริยาของสาร A     (kmolm-3 s-1 )

            Vr      =  ปริมาตรของเครื่องปฏิกรณ์ ( m3 )

 

        ในกรณีของเครื่องปฏิกรณ์แบบ batch ที่อยู่ในวัฎภาคแก๊ส ปริมาตรที่แท้จริงของเครื่องปฏิกรณ์และปริมาตรของสารตั้งต้นจะมีค่าเท่ากัน แต่สำหรับปฏิกิริยาที่อยู่ในวัฏภาคที่เป็นของเหลว จะมีช่องว่างอยู่เหนือพื้นที่ผิวของของเหลว จะได้ว่า

Vr < Vt

เมื่อ  

Vt   เป็นปริมาตรรวมทั้งหมดภายในเครื่องปฏิกรณ์

           

            เทอมของอัตราการสะสมของสารตั้งต้นกำหนดโดยอัตราการเปลี่ยนแปลงโมลของสาร A ต่อหนึ่งหน่วยเวลา ดังสมการ

อัตราการสะสมของสาร A  =  dNA/dt             ( kmols-1 )

จะได้ว่า

.dNA/dt  =  -(-rA)Vr

หรือ

-d(CA.Vr)/dt  =  (-rA).Vr

เมื่อ

            -rA  เป็นอัตราการหายไปของสาร A ต่อหนึ่งหน่วยเวลาของปฏิกิริยาการผสม

            CA  เป็นความเข้มข้นของสาร A      ( kmolm-3 ) , ( CA = nA/Vr )

โดยปกติแล้ว ปริมาตรที่เปลี่ยนแปลงไปของปฏิกิริยาแบบกะจะมีค่าน้อยมาก ระบบจึงมีปริมาตรคงที่  สำหรับระบบที่มีปริมาตรคงที่

-dCA/dt  =  ( -rA )                   (2)

            เพื่อให้ง่ายยิ่งขึ้น สามารถเขียนสมการที่ (2) ในเทอมของ fractional conversion (XA) ขององค์ประกอบ A  สำหรับระบบที่มีปริมาตรคงที่ จะได้ว่า

CA  =  CA0 ( 1-XA )  และ  dCA  =  -CA0dXA

เมื่อรวมเข้ากับสมการ (2) จะได้ว่า

CA0dXA/dt  =  (-rA )

และ

.dt  =  CA0dXA/( -rA )                     (3)

 

เมื่ออินทิเกรตสมการ (3) ตั้งแต่เวลา =0 ถึงที่เวลา t จะได้

.t  =  CA0ò0XAf   (dXA/( -rA ) )                     (4)

เมื่อ

            -rA  =  kf(C)

โดยที่

            .k     =  ค่าคงที่อัตราการเกิดปฏิกิริยา

            .f(C) = ฟังก์ชั่นของความเข้มข้นของสารที่เข้าทำปฏิกิริยา และสำหรับระบบที่ผันกลับได้จะ     

                        เป็นฟังก์ชั่นของความเข้มข้นของสารตั้งต้นของปฏิกิริยาย้อนกลับ

 

ซึ่งอัตราการเกิดปฏิกิริยาที่ปริมาตรคงที่เมื่อเวลาเปลี่ยนไป สามารถแสดงได้ดังกราฟ

 

 

 

 

รูปที่ 6 แสดงปฏิกิริยาภายใน   batch reactor  ที่มีปริมาตรคงที่

ซึ่งเป็นการเปรียบเทียบระหว่างปฏิกิริยาอันดับศูนย์ , อันดับหนึ่ง และอันดับสอง

 

ข้อดี

1.      Batch reactor เป็นเครื่องปฏิกรณ์ที่สำคัญที่ใช้ในกระบวนการผลิตเวชภัณฑ์ และอาหาร เนื่องจากสามารถกำหนดตัวแปรต่างๆ ได้

2.      สามารถดัดแปลงให้เหมาะสมกับการผลิตผลิตภัณฑ์รูปแบบต่างๆ เนื่องจากมีหลักการทำงานอย่างง่ายในการเปลี่ยนสารชนิดหนึ่งไปเป็นสารอีกชนิดหนึ่ง และไม่มีการสูญเสียขณะเกิดปฏิกิริยา

3.      การดำเนินงานหรือควบคุมดูแลอย่างทั่วถึงสามารถทำได้ง่าย

4.      สามารถกำหนดเวลาในการดำเนินงานแต่ละครั้งให้เท่ากันได้

5.      ลงทุนต่ำ

6.      ประกอบและทำความสะอาดได้ง่าย

7.      มักใช้กับผลิตผลที่มีราคาแพง เนื่องจากผลิตผลที่มีราคาแพงทำให้ไม่สามารถใช้วิธีการแบบต่อเนื่องได้

 

ข้อเสีย

1.      ค่าใช้จ่ายด้านแรงงานสูง

2.      วิธีที่ใช้ในการควบคุมเป็นแบบพื้นฐาน ทำให้เกิดปัญหาอยู่บ่อยๆ เนื่องจากการออกแบบไม่สามารถตอบสนองต่อกระบวนการที่เป็น unsteady-state ของสารต่างๆ ได้ทั้งหมด

3.       ผลิตภัณฑ์ที่ได้มีคุณภาพที่แตกต่างกันมากกว่าการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง